flagship phablet แฟ็บเล็ต ของทุกยี่ห้อ ต้องใช้ของดี วัสดุทน เพราะทุกคนจะใช้มากกว่า 1 ปี ขึ้นไป ฉะนั้น ต้องมีการดูแล องค์ประกอบที่ควรเลือก
1. battery แบตเตอรี่ ถ้าถอดเปลี่ยนได้ จะดีมาก.... เพราะเราสามารถถอดออกมาดูว่า มันบวมหรือยังง ถ้าแค่เราเปิดฝาท้ายดู เห็นว่า...โอววว มันบวมแล้วครับบบ เราก็เปลี่ยนได้ จะถูกจะแพงว่าไปอีกอย่าง
phablet ที่สามารถปลอดแบตเตอรีออกได้ ผมถือว่า สำคัญมาก เป็นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของผู้ใช้เลย เพราะเราไม่รู้หรอกว่า ใช้มากหรือน้อย หรือชาร์จนานแล้วมันบวม... ปลอดภัยไว้ก่อน
2. ขนาดจอภาพ มาตรฐานการผลิตตอนนี้ ให้เล็งไปที่ ขนา 5.5 นิ้ว เกือบทุกบริษัทหันไปใช้ไซส์นี้ เพราะบริษัทต้นแบบที่ผลิตให้ทุกแบนพัฒนาได้แล้ว... ก็สามารถหาอะไหล่ได้ง่ายขึ้น its 5.5-inch screen has a 1,080 x 1,920 pixel resolution (instead of just 720 x 1280) จริง ๆ สบายตา ดูได้พอดี ขนาด 720 x 1280 ก็ได้ ถ้าสูงกว่านี้ จอภาพละเอียดกว่านี้ ก็กิน battery มากกว่านี้
เป็นความชอบส่วนตัวว่า ขนาด 5.5 นิ้วนี้ อ่านสบายตา ไม่ต้องพิ่งพา tablet แท็บเล็ต และโทรได้ ขณะแนบหนูก็ กำลังพอดี ระหว่าง หู กับ ปาก ถ้าเป็น แท็บเล็ตมันห่างไปหน่อย ออกแนวจะเทะทะ
ถ้าจอขนาดเล็กกว่านี้ละ มันจะลดขนาดตัวอักษรลง หรือ ตัวอักษรเท่าเดิมแต่ขนาดบันทัดจะสั้นลง
3. ความจำ Memory /ฮาร์ดดิส ที่ติดอยู่กับเครื่อง.... ถ้าเขาใส่มาน้อย เช่น 8 Gb ถือว่า น้อยไป แต่.ถ้าสามารถเสียบเพิ่มได้... จะสะดวกมาก เราก็แค่ไปเพิ่มที่ ช่องเสียบ memory แค่นั้น ก็ได้จะใส่เข้าไปได้เท่าไรก็ว่าไป แต่.ควรได้ไม่ต่ำกว่า 32 gb
4. กันน้ำ โทรศัพท์ ที่สามารถกันน้ำหกใส่ จะเสียยากมาก หรือ ยิ่งกันตกกระแทกได้ยิ่งดี ถึงจะน้อยแต่.ก็ควรมี แต่.ไม่ต้องถึงขนาด เอามาตรฐานอย่าง IP67 กันโทรศัพท์เปียกน้ำ หรือฝุ่นเข้าโทรศัพท์ เลย แค่.IP56 57 ก็พอ
5. น้ำหนักของ Phablet ต้องเบา ไม่ควรหนักเกิน 200 กรัม ดู S5 ขนาด 145 กรัม จับถือก็เบา... แต่.มันราคาแพงนะท่าน 555 แต่.เราเอาน้ำหนักเพิ่มนิด แต่หายี่ห้อถูกลงหน่อย ถ้าเกินนี่... บายเลยครับ มันเริ่มจะหนัก ความบางก็เหมือนกัน
6. เลือกบริษัทผู้ผลิต phablet ที่มีพื้นฐานมาจากบริษัทผู้่ผลิต โทรศัพท์มือถือ จะยิ่งดีมาก เพราะบริษัทพวกนี้ มีฝ่ายวิจัยและพัฒนา R&D (Research and Development) จะเฝ้าระวังความบกพร่องของผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่า
ควรหลีกเลี่ยงบริษัทที่ไม่มีฝ่ายวิจัยและพัฒนา ยิ่งผลิตภัณฑ์ที่จ้างเขาผลิตอย่างเดียว ยิ่งน่ากลัวว่าผลิตภัณฑ์จะออกมาไม่ดี บังเอิญเราดวงตกไปซื้อนี่ ก็แย่นะ
บริษัทที่มี R&D จะควบคุมความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์เช่น แบตเตอรี่ ได้ดีกว่า.....ส่วนบริษัทที่ไม่มี R&D มักจะมีปัญหากับ แบเตอรี่่......
ขอขอบคุณท่านที่ติดตามอ่าน
No comments:
Post a Comment
กรุณาให้ความเห็น